งานหลังคาเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของงานก่อสร้างอาคารทุกประเภท
ปัจจุบันหลังคาเมทัลชีทที่มีการนำน้ำยาพียูโฟม (PU Foam) มาฉีดเป็นฉนวนหรือ
“หลังคาพียู” เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากขึ้นและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย
เพราะสามารถช่วยลดความร้อนสะสมในอาคารได้มากกว่าการติดตั้งหลังคาเมทัลชีทโดยไม่มีฉนวน
ช่วยลดค่าไฟฟ้าจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศลดลง และช่วยซับเสียงดังเวลาฝนตก
เนื่องจากโฟมพียูในหลังคาเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาจากฉนวนที่ใช้ในตู้เย็น
ทำให้มีประสิทธิภาพกันความร้อนได้ดีที่สุด มีน้ำหนักเบา
ไม่เป็นภาระกับโครงสร้างหลังคามากเกินไป อีกทั้งติดตั้งง่าย
และมีความสวยงามไม่น้อยกว่าวัสดุหลังคาประเภทอื่น
อย่างไรก็ตามแม้โฟมพียูในหลังคาเมทัลชีทจะดูเหมือนๆ กัน
แต่แท้จริงแล้วโฟมพียูของผู้ผลิตแต่ละรายนั้นมีความแตกต่างกันทั้งในด้านคุณภาพและประสิทธิภาพการเป็นฉนวน
ขึ้นอยู่กับสารเคมีในน้ำยาที่ใช้ฉีด
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) บริษัทด้านวัสดุศาสตร์ชั้นนำของโลก
คำนึงถึงความสำคัญของคุณภาพของโฟมโพลียูริเทน หรือ
โฟมพียูที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตหลังคาพียู
จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำยาพียูโฟมที่มีคุณภาพสูง
เพื่อตอบโจทย์การผลิตและการใช้งานหลังคาที่หลากหลาย โดยผลิตภัณฑ์น้ำยาพียูโฟมของ Dow
มีคุณสมบัติสำคัญที่โด่ดเด่นและเป็นผู้นำตลาดในด้านการเป็นฉนวนที่มีประสิทธิภาพสูงในการกันความร้อนและเสียงรบกวน
โฟมพียูที่ฉีดขึ้นรูปจึงมีลักษณะเนื้อแข็ง ที่สำคัญ Dow ได้ใส่สารกันลามไฟในผลิตภัณฑ์น้ำยาพียูโฟมทุกเกรดที่วางจำหน่าย
ช่วยเพิ่มคุณสมบัติความหน่วงระยะเวลาในการลุกลามไฟกรณีเกิดติดไฟ ผลิตภัณฑ์ของ Dow
จึงได้รับความนิยมอย่างสูงในอุตสาหกรรมการผลิตหลังคาพียู
ปัจจุบัน
กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาพียูโฟมสำหรับฉีดหลังคาของ Dow ภายใต้เครื่องหมายการค้า
“โวราคอร์” (VORACOR™) มีอยู่ด้วยกันถึง 4 เกรด ให้เจ้าของโครงการหรือผู้รับเหมาได้เลือกใช้ตามความต้องการ
ตั้งแต่การก่อสร้างขนาดใหญ่ อย่างโรงงาน คอมมูนิตี้ มอลล์ อาคารสำนักงาน
อาคารพาณิชย์ โรงเรียน บ้านเดี่ยวทรงโมเดิร์น และทาว์นโฮม
จนถึงงานก่อสร้างขนาดเล็ก เช่น ร้านค้าขนาดเล็กและการต่อเติมครัว หรือ โรงจอดรถ
โดยผลิตภัณฑ์น้ำยาพียูโฟมของ Dow ทั้ง 4 เกรดมีรายละเอียด ดังนี้
VORACOR™
CM 1040
เหมาะกับผู้ที่ต้องการโฟมคุณภาพสูง
ต้องการหลังคาพียูเพื่อไปใช้ในงานโปรเจคใหญ่ ๆ เช่น สร้าง คอมมูนิตี้ มอลล์
ร้านสะดวกซื้อ โรงงาน หรืออาคาร เป็นเกรดสูงสุดของ Dow เป็นโฟมที่เรียกว่าเซลล์ปิด
มีความหนาแน่นและแข็งมากที่สุด กันความร้อนได้ดีกว่าโฟมเซลล์เปิด
เนื่องจากไม่มีช่องอากาศให้ไอร้อนผ่านไปได้ เนื้อโฟมมีความแข็งกว่าแบบเซลล์เปิด
จึงมีความทนทานกว่า ใช้งานได้นานกว่า
VORACOR™ CM 1076/1077 เหมาะกับงานที่ต้องการโฟมที่ยังกันความร้อนได้ดี
เช่น ทำหลังคาบ้าน โรงจอดรถ คาเฟ่ ร้านอาหารต่างๆ เป็นโฟมเซลล์ปิด
เนื้อโฟมแข็งสวยงาม แต่ใช้น้ำหนักฉีดน้อยลง
VORACOR™ CM 1075 เหมาะกับงานที่ต้องการบริหารจัดการต้นทุนให้แข่งขันได้
สำหรับผู้ฉีดหลังคา น้ำยาชนิดนี้ใช้น้ำหนักฉีดน้อยกว่า
และเป็นโฟมชนิดเซลล์เปิดที่ยังมีผิวแข็ง
และ VORACOR™ CM 1118 เหมาะกับงานที่เน้นประหยัดต้นทุนเป็นหลัก
ใช้สำหรับงานทั่วๆ ไป สำหรับผู้ฉีดหลังคา
เกรดนี้เป็นเกรดโฟมเซลล์เปิดที่ใช้น้ำหนักฉีดน้อยที่สุด จึงประหยัดที่สุด
และแข่งขันกับตลาดได้
“Dow
เป็นผู้ผลิตน้ำยาพียูโฟมที่มีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศไทยตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง
จึงมีความน่าเชื่อถือสูง สามารถตรวจสอบได้
การที่โรงงานตั้งอยู่ในประเทศไทยทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาในการนำเข้าส่งออก
อีกทั้งเรายังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากความเป็นบริษัทระดับโลก
มีฝ่ายบริการด้านเทคนิคและทีมวิจัยที่จะช่วยให้คำแนะนำและบริการในการแก้ไขปัญหาการใช้งานต่างๆ
ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทันท่วงที
ที่สำคัญผลิตภัณฑ์น้ำยาพียูโฟมของ Dow สามารถนำไปใช้ในการผลิตหลังคาพียูของทุกโรงงาน
เพราะมีเกรดเฉพาะที่สามารถเข้ากันได้กับสารที่ใช้ประกอบการฉีดโฟม ที่เรียกว่า
“สารฟูตัว” แต่ละชนิดในท้องตลาด ผลิตภัณฑ์ VORACOR™ ของ Dow
จึงใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก” นายเมธี กฤษณาสกุล
ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย
กล่าว
แม้ว่าปัจจุบันตลาดหลังคาพียูจะมีผู้ผลิตและผู้ใช้งานมากขึ้นจนเกิดการแข่งขันด้านราคา
และอาจจะเป็นการยากสำหรับผู้บริโภคที่จะเลือกผลิตภัณฑ์โฟมพียูจากการมองด้วยตาเปล่า
แต่การเลือกใช้โฟมพียูจากผู้ผลิตหรือแหล่งที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือจะช่วยให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการก่อสร้างไม่ต้องประสบปัญหาจากหลังคาพียูที่ไม่ได้คุณภาพ
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโฟมที่นิ่มและกันความร้อนได้ไม่ดี
หรือเนื้อโฟมนิ่มที่อุ้มน้ำฝนจนเกิดความชื้นสะสมและเชื้อราได้ง่าย
ทำให้มีโอกาสเกิดรอยรั่วและน้ำรั่วตามมา ดังนั้น โฟมพียูคุณภาพสูงที่มีความแข็งเพียงพอ
สามารถกันความร้อนและลดเสียงได้ดี
และให้ความปลอดภัยมากขึ้นจากคุณสมบัติความหน่วงการลามไฟ
จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่ผู้บริโภคจะพิจารณาเลือกนำมาใช้ให้เหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าในระยะยาว