กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) บริษัทชั้นนำด้านแมททีเรียล ไซแอนซ์ (Materials Science) ร่วมกับสมาคมเคมีแห่งประเทศไทยฯ
เดินหน้าส่งเสริมศักยภาพครูวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจัดเวิร์คช้อปออนไลน์ “การอบรมเทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วน โครงการห้องเรียนเคมีดาว รุ่นที่ 7”
ให้กับครูวิทยาศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาทั่วประเทศจำนวนกว่า 200 คน
มุ่งขยายผลและประยุกต์เทคนิคการทดลองที่มีความปลอดภัย ประหยัด ใช้สารเคมีน้อย
สู่ชั้นเรียนวิทยาศาสตร์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นของเด็กไทยทั่วประเทศ
โดยมีครูต้นแบบของโครงการฯ ในรุ่นก่อน ๆ ร่วมถ่ายทอดเทคนิคการสอนที่สร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียนผ่านการลงมือปฎิบัติจริงด้วยชุดการทดลองเคมีแบบย่อส่วนต่อเนื่องเป็นปีที่
8
"การศึกษาเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ
ถึงแม้ว่าเราจะต้องเผชิญกับวิกฤตการระบาดของโรค COVID-19
แต่การพัฒนาความรู้ของคุณครูและการเรียนรู้ของเยาวชนก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่สามารถละเลยได้
ในปีนี้เราจึงจัดการอบรมออนไลน์เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการถ่ายทอดและต่อยอดองค์ความรู้ด้านเทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนให้แก่ครูไทย
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ครูในต่างจังหวัดได้เข้าร่วมอบรมได้สะดวกมากขึ้น เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้ไปขยายผลต่อให้กับเยาวชนในโรงเรียนต่าง
ๆ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมต่อไป” นายณัฐพงศ์ จิรวัฒนาวรกุล ผู้จัดการแผนกสื่อสารองค์กรและชุมชนสัมพันธ์
กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าว
ระบบการเรียนผ่านเทคนิคปฏิบัติการทดลองเคมีแบบย่อส่วน เป็นสื่อการสอนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ
ซึ่งหากวงการศึกษาไทยนำเทคนิคมาใช้
จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนเชิงบวกในแง่ของการลดต้นทุนของการใช้สารเคมีและค่าใช้จ่ายลงกว่า
90% ช่วยลดปริมาณของเสียซึ่งสอดคล้องกับกระแสโลกที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม
อีกทั้ง
ครูก็สามารถสร้างสรรค์โจทย์การทดลองหัวข้อทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เกิดมุมมองการคิดค้นและต่อยอดชุดการทดลองใหม่ ๆ ในชั้นเรียน
อันจะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียนและส่งผลต่อความสนใจในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
นายพงศกร พรมทา ครูวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย
จ.ลพบุรี กล่าวว่า
“การทดลองเคมีแบบย่อส่วนจะช่วยลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาลงได้
เพราะนักเรียนในโรงเรียนชนบทก็สามารถทำการทดลองแบบเดียวกันได้แม้ว่าที่โรงเรียนจะขาดแคลนเรื่องของสารเคมีหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้
การจัดการเรียนรู้แบบให้ความรู้คู่ประสบการณ์จะนำไปสู่การแก้ปัญหาบางอย่างที่นักเรียนสนใจ
โดยใช้ความรู้จากวิทยาศาสตร์เข้าไปช่วย
ซึ่งจะทำให้นักเรียนเห็นคุณค่าของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ว่าไม่ใช่เรื่องยากและไกลตัว
เมื่อนักเรียนเห็นความสำคัญและสามารถใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ได้จริง
นักเรียนก็จะอยากเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไปเองได้เรื่อย ๆ
โดยที่ครูอย่างเราไม่จำเป็นจะต้องไปสอนเขาตลอดเวลา
นั่นเท่ากับว่าเราสามารถสร้างประชากรของประเทศที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต”
“ในปีการศึกษานี้ เรามีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นออนไลน์
เทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนจึงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีความกระชับ
ใช้เวลาการทดลองสั้นลง
นักเรียนสามารถทำโครงงานเคมีได้อย่างปลอดภัยจากที่บ้านด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน
และยังง่ายต่อการถ่ายวิดีโอผลการทดลองให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ ปัจจุบัน
การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์นอกจากจะพัฒนาด้านความรู้ทางวิชาการและทักษะปฏิบัติการแล้ว
จะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์
การสร้างนวัตกรรม
ซึ่งทักษะเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้เรียนได้มีอิสระในการทดสอบไอเดีย ออกแบบการทดลองเพื่อตอบคำถามข้อสงสัยของตนเอง
ซึ่งต้องการความพร้อมและการเข้าถึงอุปกรณ์วิทยาศาสตร์พื้นฐาน
ควบคู่กับการดูแลให้คำปรึกษาจากครูหรือผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่” ดร.ดวงแข ศรีคุณ ครูวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
จ.นครปฐม กล่าวเสริม
“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
โครงการห้องเรียนเคมีดาวได้จัดอมรมเทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนให้ครูทั่วประเทศและครูในอาเซียนแล้วกว่า
2,200 คน
สร้างครูต้นแบบที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคปฏิบัติการเคมีแบบย่อส่วนกว่า 90
คนที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ให้กับโรงเรียนมากกว่า 900 แห่ง ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการเรียนการสอนแก่เด็กนักเรียนมากกว่า
100,000 คนทั่วประเทศ ในอนาคต
เรายังมีแผนงานในการส่งมอบความรู้และนวัตกรรมด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ
ผลิตสื่อการเรียนการสอนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
เพื่อพัฒนาศักยภาพครูวิทยาศาตร์ไทยและอาเซียนให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลกต่อไป”
ศ.ดร.ศุภวรรณ ตันตยานนท์
ผู้อำนวยการโครงการห้องเรียนเคมีดาว กล่าวทิ้งท้าย