กลุ่มบริษัท
ดาว ประเทศไทย (Dow)
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for
Conservation of Nature - IUCN) ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือโครงการ
ดาว - เครือข่ายชายฝั่ง รักษ์พิทักษ์ป่าชายเลน เพื่อความยั่งยืน” (Dow
& Thailand Mangrove Alliance) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า
ดาวและเครือข่ายรักษ์ป่าชายเลนไทย ตั้งเป้าร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลนอ่าวไทย-อันดามัน
ครอบคลุม 5 จังหวัดพื้นที่รวมกว่า 5,000 ไร่
เพื่อแก้วิกฤตโลกร้อนและลดปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน ชูปากน้ำประแส จังหวัดระยอง
นำร่องโครงการ
นายฉัตรชัย
เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “โลกกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ 2 ด้าน คือ
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และปัญหาขยะพลาสติกในทะเล
เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขได้ทั้งสองปัญหา เราจึงริเริ่มและสนับสนุนโครงการ Dow
& Thailand Mangrove Alliance ขึ้นมา
เพราะป่าชายเลนเป็นป่าที่สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ดีที่สุดซึ่งจะช่วยลดปัญหาโลกร้อน
และยังเป็นปราการที่สามารถดักกรองขยะไม่ให้ลงสู่ทะเล
โดยได้ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการปลูกป่าชายเลนที่ Dow
ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 12 ปีในประเทศไทย
และครั้งนี้จะเป็นการยกระดับโครงการไปสู่ระดับสากล
เราตั้งเป้าดำเนินโครงการต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปีด้วยงบประมาณอย่างน้อย 30 ล้านบาท”
ดาวและเครือข่ายรักษ์ป่าชายเลนไทยจะมีโครงการนำร่องในพื้นที่ปากน้ำประแส
จังหวัดระยอง ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายผลไปยังป่าชายเลนที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดอื่น
ๆ ต่อไปตามแผนงาน 5 ปี (2563-2567) โดยมีเป้าหมายหลักในการลดโลกร้อนและป้องกันขยะลงสู่ทะเล
ผ่านการยกระดับการอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างครบวงจรและมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและชุมชน
โดยจะวางระบบรวมทั้งสร้างเครือข่ายในการฟื้นฟูดูแลป่าชายเลนให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ และสังคมอย่างสมดุล
นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จะมีการพัฒนากลไกคาร์บอนเครดิตจากป่าชายเลนเพื่อการอนุรักษ์ที่ต่อเนื่องและยั่งยืน
รวมทั้งการผสานการแก้ปัญหาขยะอย่างครบวงจรเข้าในโครงการป่าชายเลน
ด้วยการสร้างต้นแบบการจัดการขยะในพื้นที่อนุรักษ์
และถ่ายทอดความรู้การจัดการขยะให้กับชุมชนพร้อมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม
ห้องเรียนธรรมชาติที่จะมีการปรับปรุงใหม่
ทำให้โครงการนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลน
แต่ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนและขยะทะเลได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายโสภณ
ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กล่าวว่า “การเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญ
เนื่องจากป่าชายเลนสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าป่าบกถึง 5
เท่าเมื่อเทียบต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่เท่า ๆ กัน
อีกทั้งป่าชายเลนยังเป็นตะแกรงทางธรรมชาติที่ดีในการดักจับขยะไม่ให้ไหลลงสู่ทะเล
และเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อการประมง ทช.
จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ Dow และ IUCN เสนอตัวมาร่วมกันทำงานกับภาครัฐ
อีกทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุมชนรอบพื้นที่ป่าและประชาชนที่มาเที่ยวชมห้องเรียนธรรมชาติจะได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่าชายเลนและเรียนรู้การลดขยะทะเลโดยการแยกขยะ”
“การอนุรักษ์ป่าชายเลนเป็นที่ยอมรับในระดับโลกว่าสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนได้อย่างมหาศาล
โดยในต่างประเทศมีคอนเซปต์ของการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
โดยการคำนวณปริมาณและมูลค่าของก๊าซเรือนกระจกที่ได้จากการปลูกป่าชายเลน
และให้หน่วยงานหรือผู้สนใจจ่ายเงินสนับสนุนการอนุรักษ์ป่า
แลกกับคาร์บอนเครดิตเพื่อไปหักลบกับมลภาวะที่ตนเป็นผู้ก่อ
ซึ่งป่าชายเลนในประเทศไทยยังไม่มีกลไกด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม
และเราหวังว่าโครงการนี้จะสามารถนำร่องให้เกิดขึ้นจริงได้เป็นครั้งแรกเพื่อยกระดับการอนุรักษ์ป่าชายเลนของไทยให้ไปสู่ระดับสากล”
ดร. เทจปาล ซิงห์
รองผู้อำนวยการองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
สำนักงานภูมิภาคเอเชีย ให้ความเห็น